2 Be 1 : ความรัก ความตาย จดหมายในทรงจำ - นิยาย 2 Be 1 : ความรัก ความตาย จดหมายในทรงจำ : Dek-D.com - Writer
×

    2 Be 1 : ความรัก ความตาย จดหมายในทรงจำ

    นวนิยายแนว PHYCHO THRILLER ROMANCE ACTION เธอเขียนจดหมายถึงผู้ชายที่เป็นรักแรกตอนเด็ก น่าแปลกไม่เคยมีจดหมายตอบกลับ อีกด้านหนึ่ง เขาก็เขียนจดหมายถึงเธอ และไม่ได้รับจดหมายตอบเช่นกัน (จบแล้วลงใหม่อีกรอบ)

    ผู้เข้าชมรวม

    69,698

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    45

    ผู้เข้าชมรวม


    69.69K

    ความคิดเห็น


    2.48K

    คนติดตาม


    169
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  44 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  19 เม.ย. 67 / 21:20 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ





    นวนิยาย 2  become 1 ถูกนำมารีไรท์ใหม่หลังผ่านไป 14 ปี ถูกปรับเนื้อหาให้มีความทันยุคสมัยมากขึ้น เป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่ผู้เขียนตีความแตกต่างจากเดิม หลังผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากขึ้น ใครที่ยังชอบและหลงรักเนื้อหาเดิม ขอให้ถือว่าเป็นคนละเรื่องกันไปนะคะ แต่ว่าใครที่อยากเปิดใจลองอ่านฉบับรีไรท์รับรองว่าจะได้รับอรรรถรสในการอ่านที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของ 2  become 1 ฉบับดั้งเดิมแต่โรมานซ์ขึ้นเป็น 2 เท่าแน่นอน ถ้าสนใจคลิกลิงค์ด้านล่างได้เลยค่า

    https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=all&search=luckyseven&page_no=1 



    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ความรัก ความตาย 
    และจดหมายในทรงจำ




    เขียนขึ้นเมื่อปี 2011


    ผู้แต่ง
    LUCKY SEVENTH




    เรื่องย่อ

    Life 1

     ชาครียามีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในชีวิตคือพลอยเพทายส์

    แต่เธอกลับแย่งไวทิน คนรักคนแรกและ 1 เดียวในชีวิตของเธอไป

    ชาครียาคิดที่จะฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึก

    แต่เธอได้เจอกับนาคินเสียก่อนที่ดาดฟ้า

    นาคิน...เขาหยุดยั้งไม่ให้เธอกระทำอัตวิบาตกรรม

    แต่กลับชักชวนเธอไปสู่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งความตาย

    นั่นคือ ลัทธิประหลาดที่มีชื่อว่า TABOO CLUB

    ที่ๆทุกคืนสมาชิกในแกงค์จะต้องพาผู้หญิงคนหนึ่ง

    มาร่วมการแข่ง เดธแมท เกมส์ท้าตายที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน

    ชาครียารู้สึกหวาดกลัว และหวงแหนชีวิตมากขึ้น

    หลังผ่านการแข่งขันเดธแมธไปได้แต่ละคืนๆ 

    ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มถลำลึกสู่วังวนแห่งความคลั่งลัทธิ

    โดยมีนาคินเป็นผู้ชักนำ รวมถึงความหลงใหลที่เธอมีต่อเขา

    ก็ก่อตัวขึ้น...อย่างไม่อาจถอนตัวได้



    LIFE 2

    ชินดนัย เคยเป็นโรคหัวใจเมื่อยังเด็ก

    ความทรงจำแรกของเขามีแต่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น

    เด็กผู้หญิง 1 คน ที่มองเขาผ่านหน้าต่างฟากตรงข้ามของโรงพยาบาล

    คือความสวมงามเดียวที่ทำให้หัวใจยังเต้นต่อไปได้

    เมื่อเขาเข้ารับการผ่าตัดจนหายดี เธอกลับหายตัวไป

    หลายปีผ่าน...

     ในที่สุด ชินดนัยก็ได้รู้ว่ารักแรกของเขานั้นคือชาครียา

    ชินดนัยพยายามติดต่อเธอ  ส่งจดหมายกลับไปหาเธอ เล่าเรื่องราวในชีวิต

    ตั้งแต่เด็กจนโต

    โดยไม่เคยมีจดหมายตอบกลับมาเลยสักครั้งเดียว

    ชินดนัยจะยังพยายามรักษารักแรกของเขาไว้

    หรือว่าจะปล่อยให้มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาในชีวิต

    เธอคือโยทะกา หญิงสาวผู้ร่าเริง สนุก และสว่างมีสีสันดังผีเสื้อฤดูร้อน

    ผู้ทำให้ชีวิตของเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง


    2 Become 1

    สองชีวิต...หนึ่งเดียว

     

    ชินของฉัน...

                     ฉันยืน... อยู่ตรงกลางระหว่างนรกสวรรค์ สับสนจนไม่รู้จะก้าวทางไหน  ความรักซึ่งมีต่อเธอ...ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่าน  เหมือนความงามเดียวในโลกที่ฉันมี เธอคือสิ่งบริสุทธิ์ที่ฉันได้เพียงมอง แต่มิอาจคว้ามาเป็นเจ้าของได้  สุดท้าย...ฉันก็ต้องคว้าเอาหนทางนี้ เลือกผู้ชายที่อยู่เคียงข้างในเวลานี้ และความรักที่มีต่อเขา...กลายเป็นโซ่ตรวนหนักอึ้ง ที่ลากฉันจมดิ่งสู่ห้วงเหวแห่งความใคร่ กิเลส และแรงปรารถนา

                    ..คือความมืดมิดอันธกาลซึ่งเป็นนิรันดร์

                    ฉันได้ยิน... เสียงกรีดโหยหวนของล้อรถบดเบียดพื้นถนน เสียงกระจกรถแตกกระจายเป็นเสี่ยง แรงสะเทือนไม่ทำให้เจ็บแม้แต่น้อย เพียงแต่ชาเท่านั้น ชาไปหมดทั้งร่าง ราวได้ยินเสียงกระดูกตัวเองค่อยๆปริแตก...ขณะหมุนคว้างอยู่ในกล่องเหล็กราคาสิบล้านนี้ ปากทางแห่งความตายกำลังเปิดอ้าช้าๆ ฉันไม่รู้...ว่าแสงขาวเรืองกลางจุดรวมสายตานั่นเป็นอุโมงค์นำไปนรก หรือประตูเข้าสวรรค์กันแน่...

                    ชิน... นี่ฉันกำลังจะตายแล้วจริงๆหรือ...

                                                                                                                                                   

                    เสียงกรีดร้องของล้อรถกับพื้นถนน...สะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณถนนในยามนั้น

                    แสงไฟลุกพรึ่บขึ้นทั่วทั้งคันรถ สองขาตรึงแน่นอยู่ใต้เศษเหล็กบู้บี้ เธอหนีไปไหนไม่ได้นอกจากต้องรอความตายอยู่ในนี้ ไอร้อนจากเพลิงทำเอาหนังแทบไหม้ ควันดำขโมงขับไล่อากาศที่จะใช้หายใจไปเกือบหมดสิ้น ขั้นตอนไปสู่ความดับสูญช่างทรมานเหลือแสน เพลิงจะทำอะไรกับร่างกายนี้บ้าง  จะต้องทรมานถึงเพียงใดกว่าจะตาย

                    ในช่วงรอยต่อระหว่างการอยู่...กับการตาย อดีตผุดขึ้นเป็นฉาก แล่นผ่านหัวสมองรวดเร็ว เลือนรางเหมือนอยู่ภาพหนังฟิล์มขนาด 8 ม.ม.  เริ่มตั้งแต่นาทีก่อนหน้าที่เธอจะมาอยู่ในเหตุการณ์นี้ เรื่อยไปถึงชั่วโมงก่อนหน้า  ผ่านไปยังวันก่อน  ปีก่อนๆ ไปกระทั่งสิบปีก่อนหน้า... ในยามเช้าวันแดดสว่างสีขาวโพลน...ของฤดูเหมันต์

                    การพบกันครั้งแรกระหว่างเธอและเขา...คึอจุดเริ่มต้น...ของทุกสิ่งทุกอย่าง

    .....................................

                    เด็กน้อยวัย 9 ขวบวิ่งเล่นไล่จับหมอกอย่างซุกซนอยู่ริมระเบียงโรงพยาบาล หญิงชราคอยส่งเสียงเตือนอยู่ไม่ขาดปากว่าให้ระวังด้วย เด็กน้อยฟังเสียงยายผ่านหู ไม่สนใจ...เพราะมัวแต่สนุก วันใดหมอกหนา วันนั้นเธอจะมีความสุขเป็นพิเศษ เพราะสามารถจำลองได้ว่าโลกนี้คือสวรรค์  มีแต่ก้อนเมฆขาวโพลนเต็มไปหมด

                    เธออยากให้มีหมอกทุกวันเพราะโลกในยามที่ทิวทัศน์ดูเลือนรางไปหมดนั้น...คือโลกที่สวยที่สุดในสายตาของชาครียา

                    ครี เอาถุงขนมขึ้นไปให้คุณพยาบาลที่ชั้นสามหน่อยนะ เสียงยายดังขึ้น...ยื่นถุงขนมที่ทำจากกระดาษหนังสือพิมพ์ ที่ยายนั่งหลังขดหลังแข็งพับมันมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน

                    เธอวิ่งกลับไปรับถุงขนมจากยายอย่างรวดเร็ว  กึ่งวิ่งกึ่งกระโดดขึ้นบันไดไปถึงชั้นสามของอาคารอารุยกรรม วิ่งไปตามระเบียงที่ทอดยาวเชื่อมระหว่างตึกสองตึกเข้าด้วยกัน

                    อ้าว ครี วันนี้มาช่วยยายขายของอีกแล้วเหรอ เสียงของคุณพยาบาลหน้าตาใจดี...ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานหน้าแผนกอารุยกรรมดังขึ้น

                    ค่ะ ชาครียายิ้มแป้น...ยื่นถุงขนมให้คุณพยาบาลซึ่งเป็นลูกค้าประจำ รับเงินมาเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อย... หมุนตัวกลับ กำลังจะวิ่งลงไปหายายตามเดิม

                    ทว่า...ในจังหวะที่หมุนตัวกลับนั้น สายตาพลันไปจับที่อาคารฝั่งตรงข้าม  

                    เธอหยุด... ยืนมองเด็กชายคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างห้องพยาบาลจากอีกฟากตึก ดวงหน้าเด็กชายคนนั้นเศร้าหมอง ดวงตาเขาเหม่อลอย...ทอดยาวไปยังที่แสนไกล ไกลห่างจากตรงนี้มากนัก

                    ชาครียามองเขาอยู่นานด้วยความสนใจ  ความหวังเล็กๆผุดขึ้นในใจอย่างไร้เหตุผล อยากให้เขาเหลือบตามามองเธอบ้าง  บางที...ถ้าเขาเห็นเธอแล้ว เขาอาจยิ้มให้เธอ แล้วเธอก็ยิ้มให้เขา จากนั้น...เราสองคนก็จะกลายเป็นเพื่อนกัน

                    ชาครียายืนเกาะระเบียงรออยู่นานหลายสิบนาที แต่เด็กผู้ชายคนนั้นก็ไม่ยอมหันหน้ามาเลย...

                    เด็กน้อยรอจนทนไม่ไหว พ่นลมออกปากแรงๆด้วยความผิดหวัง วิ่งลงบันไดกลับไปหายายเหมือนเดิม แล้ววิ่งไล่จับหมอกจนกระทั่งเวลาหมดไปวันหนึ่ง

    .....................................

                    วันรุ่งขึ้น...ชาครียาถูกยายใช้ให้เอาถุงขนมขึ้นไปให้คุณพยาบาลอีกครั้ง  และได้เจอเด็กชายคนเดิมอีก เขาโผล่หน้ามาให้เห็นจากหน้าต่างห้องพยาบาลของอาคารฝั่งตรงข้าม ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับหน้าต่างบานที่สามของแผนกอารุยกรรมพอดี

                    ชาครียายืนเมียงมองอยู่ตรงหน้าต่างบานนั้น...จ้องหน้าเขาเขม็ง ราวกับจะเพ่งกระแสจิตไปให้เขารู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ และหันหน้ามามองเธอ เหมือนการส่งกระแสจิตจะสัมฤทธิ์ผล เพราะเด็กชายเริ่มเบนหางตามาทีละน้อยๆ จนกระทั่งสบกับดวงตาเธอที่กำลังเบิกค้างจ้องเขาอยู่ เขาสะดุ้งเล็กน้อย มองเธอหน้าซีดๆเหมือนเห็นผี ก่อนจะรีบผลุบหัวหายกลับเข้าไปในห้องทันที

                    ต้องถอนหายใจแรงๆอีกเป็นวันที่สอง...การผูกมิตรไม่สำเร็จอีกตามเคย แต่ชาครียายังไม่ยอมแพ้เสียทีเดียว เพราะหลังจากวันนั้น เธอก็ได้เห็นเขาจากหน้าต่างชั้นสามของอาคารอีกฟากหนึ่งทุกวัน และมีหลายหนทีเดียว...ที่เขาเหลือบตามามองเธอ พอเธอจะส่งยิ้มให้ เขาก็จะรีบเบือนสายตากลับไปก่อน พอเธอลงไปวิ่งเล่นหน้าร้านขายขนมของยายที่ใต้อาคาร แล้วแหงนหน้าขึ้นไปยังห้องพยาบาลซึ่งเด็กชายคนนั้นเคยโผล่หน้ามา ชาครียาก็จะเห็นว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่

                    เมื่อเห็นว่าเธอรู้สึกตัว...และหันขึ้นมองเขา เด็กชายก็ผลุบกลับเข้าไปในห้องพยาบาลอีกครั้ง แต่พอชาครียาเริ่มวิ่งเล่นต่อ ไม่สนใจเขา เด็กชายจะค่อยๆโผล่หน้า...ออกมาแอบมองเธออีก

    .....................................

                    หลายสัปดาห์ผ่าน...เด็กชายเริ่มยิ้มให้เธอเป็นครั้งแรก และชาครียาก็ยิ้มตอบ เธอเริ่มชักชวนให้เขาลงมาเล่นข้างล่างโดยการกวักมือเรียก เขายิ้มพลางส่ายหน้า พอเธออ้าปากจะตะโกนคุยกับเขา เด็กชายก็เอานิ้วจ่อปากเป็นเชิงเตือนให้เงียบ พลางขมุบขมิบปากส่งภาษาใบ้ลงมาว่า...

                    เดี๋ยว...แม่....ด่า

                    ชาครียาอยากรู้ชื่อเขาเหลือเกิน เป็นเพื่อนกันแล้วแต่ยังไม่รู้เลยจะเรียกเขาว่าอะไร เธอจึงวิ่งขึ้นไปยังห้องอารุยกรรม โผล่หน้าไปตรงหน้าต่างบานที่สาม  พอเพื่อนสนิทคนแรกในชีวิต...ชะโงกหัวออกมาจากหน้าต่างของอาคารฝั่งตรงข้าม เธอก็ตะโกนถามว่า

                    เธอชื่ออะไร!”

                    เขาจุ๊ปาก...หันหน้ากลับไปมองในห้องเหมือนกลัวใครจะโผล่มาเห็น

                    อย่า...ส่ง...เสียง...ดัง...สิ...เขาทำปากขมุบขมิบอีกครั้ง

                    ชาครียาทำปากขมุบขมิบกลับไป...ถามชื่อเขาเป็นครั้งที่สอง

                    เธอ...ชื่อ...อะ...ไร

                    เขาจ้องเธอนิ่งสักพัก ก่อนจะผลุบหัวหายเข้าห้อง แล้วกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมมือที่ถือกระดาษที่พับเป็นรูปจรวดมาด้วย  เขาขว้างจรวดลำนั้น...ลอยจนเกือบจะถึงชาครียาที่ยื่นมือมารับจากตึกฝั่งตรงข้าม แต่แล้วมวลอากาศที่พัดมา...ก็พาเอาจรวดลำนั้นลอยห่างจากเธอ  

                    จรวดบินหายไป...พร้อมๆกับสายลมวูบนั้นเอง

                    แต่ถึงกระนั้น...ชาครียาก็พอจะเห็นตัวอักษรที่เขียนด้วยปากกาเมจิกอยู่บนปีกสองข้างของจรวด ปีกข้างขวาเขียนว่า ชิ ปีกข้างซ้ายเขียนว่า

                    และจากวันนั้นเอง...เธอก็ได้รู้ว่าเขาชื่อ...ชิน

    .....................................

                    ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่พัฒนาขึ้นจากรอยยิ้มและภาษาใบ้ ระหว่างหลานของแม่ค้าขายขนมใต้อาคาร...กับเด็กชายที่พักอยู่บนห้องพยาบาลชั้นสาม

                    สิ่งหนึ่งค่อยๆผลิบานในหัวใจของชาครียา เธอไม่รู้ว่าคืออะไร ไม่รู้ว่ามันมีหน้าตาเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่าต้องเป็นสิ่งแสนสวย หอมบริสุทธิ์ น่าทะนุถนอมเหมือนตอนยายส่งกุหลาบสีขาวเพิ่งแตกหน่อให้เธอ กุหลาบนั้นบอบบาง...จนต้องพยายามถืออย่างเบามือที่สุด...เพื่อไม่ให้กลีบช้ำ

                    ยามเธอเงยหน้ามองเด็กผู้ชายบนชั้นสาม...ความรู้สึกไม่ต่างจากตอนถือดอกกุหลาบเลย

                    ในวันหนึ่ง...ชินพับนกกระเรียน แล้วเอามาอวดให้เธอดูที่หน้าต่าง ชาครียายกนิ้วโป้งและขมุบขมิบปากบอกว่าสวยมาก เพียงเท่านั้น...รอยยิ้มงดงามก็ผุดขึ้นบนใบหน้าเขา เด็กชายจ้องมองลงมาที่เธอ ดวงตาเปล่งแสงระยับ  แล้วชาครียาก็ไม่เคยรู้เลยว่า...เพราะคำพูดเธอในวันนั้นเอง ทำให้เด็กชายเริ่มพับนกระเรียนทุกวัน แขวนเต็มระเบียง ผูกด้ายเรียงติดไว้บนเพดาน จนกระทั่งห้องพยาบาลของเขา...กลายเป็นห้องบรรจุนกกระเรียนสีขาวนับพันตัว 

                    ตั้งแต่เธอและชินได้พบหน้ากันครั้งแรก...เวลาผันผ่านไปจนจำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่  รู้แต่ว่า...จุดสิ้นสุดได้ดำเนินมาถึงในวันที่ยายล้มป่วยและทำขนมขายไม่ไหวอีกต่อไป ยายนอนหลับนานขึ้นในแต่ละวัน และคุณพยาบาลลูกค้าประจำ...ต้องพายายขึ้นไปนอนในห้องอารุยกรรม หาสายยางต่างๆมาโยงใยทั่วตัวยายเต็มไปหมด

                    ชาครียาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับยาย...คิดแค่ว่าอีกไม่นานยายก็คงหายเป็นปกติ  เธอยังคงวิ่งอย่างสนุกสนานในห้องอารุยกรรม ส่งภาษาใบ้คุยกับชิน แลบลิ้นล้อเลียนกัน ผ่านหน้าต่างห้องที่ตั้งอยู่คนละฟากอาคาร...  

                    แล้ววันเลวร้ายที่สุด...ในชีวิตไร้เดียงสาของชาครียาก็มาถึง

                    เมื่อเธอมองไม่เห็นชินจากหน้าต่างฝั่งตรงข้ามอีกแล้ว นกกระเรียนของเขาหายไปเกลี้ยง คนที่โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างห้องพยาบาลห้องนั้น...คือคนอื่น...ไม่ใช่ชิน ไม่มีชินอีกต่อไปแล้ว ชินหายไปไหน...

                    ชิน...

                    ชินของฉัน...

                    น้ำตาไหลริน ลมหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ชาครียาวิ่งร้องไห้โฮไปหาคุณพยาบาล ร้องถามหาชินเสียงลั่น จนพยาบาลสาวแก่คนหนึ่งส่งเสียงดุเธอ

                    เอ๊ะ! อย่าส่งเสียงดังสิ คุณตาคุณยายตื่นหมดแล้ว อยากโดนตีหรือไง

                    คุณน้าขา ชินหายไปไหนชาครียาไม่สนใจว่าจะโดนตี...เธออยากให้ชินกลับมา

                    เด็กผู้ชายที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้ามน่ะเหรอจ๊ะ

                    ชาครียาพยักหน้าเร็วๆหลายครั้ง...น้ำตาไหลกลบดวงตาพร่าเบลอไปหมด สะอื้นตัวโยนเหมือนใจจะขาด

                    เด็กคนนั้นเค้าย้ายออกแล้วนะจ๊ะ พอหายป่วยแล้วเขาก็ต้องกลับไปอยู่บ้านนะจ้ะ

                    หนูจะไปหาชินที่บ้านได้มั้ยคะ หนูคิดถึงเค้า ชาครียาร้องอีก

                    น้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านเค้าอยู่ที่ไหน เอาเป็นว่าจะไปถามคนให้ละกันนะคะ พยาบาลพูดพลางย่อตัวลงมากอดปลอบเธอ

                    พยาบาลสาวแก่คนนั้นรีบควักกระเป๋า เอานามบัตรมาส่งให้เธอ เคยคุยกับแม่เค้า เห็นบอกว่าทำงานเป็นนักดนตรีอยู่ที่ห้องอาหารตะวันส่อง ถ้าอยากเจอชิน...ก็ลองเขียนจดหมายไปตามที่อยู่นี้ดูสิ

                    อ้า ใช่แล้ว ครีลองเขียนจดหมายหาชินดูนะ ชินจะได้ตอบกลับมาไง พยาบาลสาวส่งนามบัตรให้เธอ

                    ชาครียารับนามบัตรมาถืออย่างทะนุถนอม หมอกน้ำตาเริ่มจางหายไปเล็กน้อย ครูที่โรงเรียนเคยสอนวิธีเขียนจดหมายมาก่อน ดังนั้น...เธอคงจะเขียนจดหมายหาชินได้ และเชื่อว่าเขาคงจะตอบกลับมา...ภายในเร็วๆนี้

                    ว่าแล้ว...เธอก็วิ่งไปคว้ากระดาษเอสี่บนโต๊ะทำงานของคุณพยาบาลมาแผ่นหนึ่ง แล้วเริ่มจรดปากกาเขียนจดหมายหาชินทันที

     

    ถึง ชินของฉัน...



    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น